วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

การรบด้วยวิธีรับ

                                                           ตอนที่ ๕

การรบด้วยวิธีรับ

เนื้อหาของตอนที่ ๕  นี้ จะกล่าวตามลำดับหัวข้อ ๓ - ข  บทที่ ๕   เรื่องลำดับขั้นตอนของงานในการตั้งรับ  ตามที่กำหนดไว้ใน รปจ. ของหมวด
- ๑๕ การปฏิบัติการรบด้วยวิธีรับ
            ลำดับขั้นตอนมาตรฐานของหมวดปืนเล็กในการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรับ  ประกอบด้วย  การวางแผน  การตกลงใจ  และการปฏิบัติ    โดยยึดถือเอาตามการตกลงใจในขั้นการปฏิบัติที่สำคัญ ๆ ของผู้บังคับหมวดเป็นหลัก  ลำดับขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานดังกล่าว ได้แก่
            -  การเตรียมกำลังเข้าทำการรบ
            -  การเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ตั้งรับ
            -  การสถาปนาพื้นที่ตั้งรับ
            -  การค้นหาข้าศึก
            -  การเริ่มต้นปะทะหรือตอบโต้การปะทะกับข้าศึก
            -  ดำเนินการตั้งรับ
            -  การจัดระเบียบใหม่
            . การเตรียมกำลังเข้าทำการรบ  ผู้บังคับหมวดได้รับคำสั่งเตือน    หรือคำสั่งยุทธการจากผู้บังคับกองร้อย  แล้วปฏิบัติดังนี้
                ) รีบออกคำสั่งเตือน
                ) ผู้บังคับหมวดเริ่มวางแผนขั้นต้น  โดยการประมาณสถานการณ์ และการวิเคราะห์ปัจจัย  METT – T
                ) หากสามารถทำได้  ผู้บังคับหมวด (และผู้บังคับหมู่ ทำการลาดตระเวนตรวจภูมิประเทศพื้นที่ตั้งรับและเส้นทางไปยังพื้นที่ตั้งรับ  การลาดตระเวนดังกล่าวต้องมีชุดระวังป้องกันอย่างน้อยที่สุดสองคน  การตรวจภูมิประเทศของผู้บังคับหมวด จะต้อง
                     ) ดำรงการระวังป้องกันตลอดเวลา
                     ) ตรวจสอบว่ามีที่ตั้งข้าศึก  หรือร่องรอยการปฏิบัติของข้าศึกที่ผ่านมา  เครื่องกีดขวาง  กับระเบิดแสวงเครื่อง หรือมีพื้นที่เปื้อนพิษ นชค. หรือไม่
                     ) ตกลงใจหรือปรับแก้ที่ตั้งและเขตการยิงของหมู่  ตามที่กำหนดไว้แล้วในแผนขั้นต้น (โดยปกติผู้บังคับหมวดจะกำหนดและปรับแก้ที่ตั้งยิงปืนกล  และอาวุธต่อสู้รถถังด้วย ) ผู้บังคับหมวดอาจปรับแก้แผนของตนตามความจำเป็น ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และประเมินค่าปัจจัย  METT – T เพิ่มเติม
                     ) หลังจากชุดลาดตระเวนของหมวดกลับมาแล้ว ผู้บังคับหมวดจะจัดตั้งชุดเฝ้าตรวจและนำทางวางไว้ตามแนวเส้นทางเคลื่อนที่  เพื่อให้การระวังป้องกันและนำทางในการเคลื่อนที่เข้าสู่พื้นที่ตั้งรับของหมวด
                 ) จากผลการลาดตระเวน และข่าวสารอื่น ๆ ที่ได้รับเพิ่มเติม  ผู้บังคับหมวดจะทำแผนสมบูรณ์  และออกคำสั่งแก่หน่วยรองต่อไป
                 ) ผู้บังคับหมู่ทุกคนตรวจ (รองผู้บังคับหมวดสุ่มตรวจ) อาวุธ  เครื่องมือสื่อสาร  และชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า มีครบและใช้การได้ทั้งเป็นบุคคลและเป็นหน่วย
                 ) รองผู้บังคับหมวดตรวจสอบ สป.๕   สป.๑  น้ำ  และ สป.สายแพทย์ที่มีอยู่  และที่ผู้บังคับหมวดกำหนดให้มี (หมวด และหมู่ปืนเล็กควรวางแผน เบิก รับ สป.๕ อีก ๑ อัตรามูลฐาน สำหรับวางไว้บนแนวตั้งรับด้วย)
                 ) ทหารทุกคนทำการพรางตนเอง และอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กลมกลืนกับภูมิประเทศ
                 ) หมวดทำการซักซ้อมการปฏิบัติ  โดยซักซ้อมกิจสำคัญ ( critical  tasks )  ก่อนเป็นลำดับแรก
                     ) ผู้บังคับหมวดทำการตรวจขั้นสุดท้ายต่ออาวุธ  (ทดสอบการยิงหากทำได้) ยุทโธปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ (รวมทั้งตรวจสอบระบบการติดต่อสื่อสาร ) และตรวจเป็นบุคคล (รวมทั้งตรวจการพราง) รองผู้บังคับหมวดกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดในเรื่อง แผนการบรรทุกเป็นบุคคลของทหาร  เพื่อให้มั่นใจว่าทหารแต่ละคนมีสิ่งของที่จำเป็นตามที่กำหนดไว้ใน รปจ. และไม่มากจนเกินความจำเป็น
                     ) หากมีการจัดส่วนล่วงหน้า  ผู้บังคับหมวด  รองผู้บังคับหมวด  และ ผบ.ส่วนล่วงหน้า (ตามปกติจะเป็นผู้บังคับหมู่ปืนเล็กคนใดคนหนึ่ง) ทำการตรวจการปฏิบัติของส่วนล่วงหน้าและแจกจ่ายสิ่งอุปกรณ์  เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น (เช่น ขาทราย  และหลักเขตการยิง เป็นต้น ) (ดูบทที่ ๕)
                 หากไม่อยู่ระหว่างเคลื่อนที่  ผู้บังคับหมวดจะเป็นผู้ริเริ่มการเคลื่อนย้ายที่จำเป็นของหมวด
            . การเคลื่อนที่ไปยังที่มั่นตั้งรับ  ใช้หลักพื้นฐานของการเคลื่อนย้ายดังนี้
                ) ใช้เส้นทางที่มีการกำบังและซ่อนพราง
                ) หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่อาจถูกซุ่มโจมตี
                ) เน้นวินัยการพราง การใช้เสียง และแสง
                ) ดำรงการระวังป้องกันรอบตัว  รวมทั้งยามเฝ้าตรวจทางอากาศ
                ) ใช้รูปขบวนและเทคนิคการเคลื่อนที่ตามปัจจัย  METT – T
            . สถาปนาที่มั่นตั้งรับ หมวดปืนเล็กหยุดการเคลื่อนที่ก่อนถึงที่มั่นตั้งรับเล็กน้อย โดยใช้ภูมิประเทศที่ให้การกำบังและซ่อนพราง   หลังจากนั้นจัดตั้งชุดระวังป้องกันเฉพาะบริเวณบนแนวที่มั่น
                ) ผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่  พร้อมด้วยชุดระวังป้องกัน (อย่างน้อย ๒ คน) เคลื่อนที่ไปยังชุดระวังป้องกันเฉพาะบริเวณบนแนวที่มั่น
-          ผู้บังคับหมู่กลับมายังที่ตั้งหมวด  แล้วนำกำลังแต่ละหมู่ปืนเล็กขึ้นไปยังแนวที่มั่นตั้งรับ
                    ) หมวดปืนเล็กเริ่มยึดครองที่มั่นตั้งรับที่กำหนด ชุดเฝ้าตรวจและนำทางนำกำลังของหมวดเข้าสู่ที่มั่น
                 ) เมื่อวางกำลังในที่มั่นตั้งรับแล้ว  ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กำกับดูแลให้หน่วยปฏิบัติตามลำดับความเร่งด่วนของงานที่กำหนด  นอกจากนั้นแล้วผู้บังคับหมวดควรปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้
-          เดินออกไปหน้าแนวถ้าทำได้  แล้วมองย้อนกลับมายังแนวที่มั่นเพื่อตรวจสอบการพราง  และพื้นที่อับกระสุน  สิ่งสำคัญที่สุดของที่มั่นรบทหารราบคือ  จะต้องไม่ถูกตรวจพบก่อนเวลาอันควร
-          ตรวจการสร้างลวดหนามและสนามทุ่นระเบิด ให้แน่ใจได้ว่าแนวลวดหนามป้องกันตนอยู่ห่างจากแนวที่มั่นพ้นระยะขว้างลูกระเบิด และแนวลวดหนามยุทธวิธีวางถัดจากแนวยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายเข้ามาทางแนวที่มั่นฝ่ายเรา
-          ชี้แจงเพิ่มเติมแก่รองผู้บังคับหมวดเรื่องแผนการส่งกำลังบำรุง (รวมทั้งการส่งกำลัง สป.เพิ่มเติม และเส้นทางการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ
-          ออกคำสั่งสุดท้ายของหมวด (กรณีที่มีการแก้ไข ) และตรวจสอบความรู้  ความเข้าใจของทหาร (ทหารทุกคนต้องทราบหน่วยทหารฝ่ายเดียวกันที่อยู่ด้านหน้าที่มั่นตั้งรับ เช่น หน่วยลาดตระเวน  เฝ้าตรวจต่าง ๆ ) และเส้นทางที่หน่วยเหล่านั้นจะเคลื่อนที่กลับมา  รวมทั้งต้องทราบสัญญาณและเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเริ่มยิง ย้ายการยิง  ยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้าย และหยุดยิง  การเข้าประจำที่มั่นสำรอง  และที่มั่นเพิ่มเติม เป็นต้น
                 ) หมวดปืนเล็ก ปรับปรุงที่มั่นตั้งรับอย่างต่อเนื่อง
          . การค้นหาที่ตั้งข้าศึก หมวดปืนเล็กจัดตั้งและดำรงจุดตรวจการณ์และทำการลาดตระเวนระวังป้องกันตามที่ผู้บังคับกองร้อยกำหนด  การค้นหาที่ตั้งข้าศึกทำได้โดยการลาดตระเวน  การตรวจการณ์  การเห็นและการได้ยินของทหารเป็นบุคคล  ด้วยการใช้เครื่องมือเฝ้าตรวจเวลากลางคืน  กล้องส่องสองตาและเชลยศึก เพื่อตรวจจับการเข้ามาของข้าศึก
          . การปฏิบัติเมื่อปะทะข้าศึก  ทันทีที่ค้นพบข้าศึก  ผู้บังคับหมวดควรปฏิบัติดังนี้
-          แจ้งเตือนผู้บังคับหมู่  รองผู้บังคับหมวด และผู้ตรวจการณ์หน้าที่มาประจำอยู่ด้วย  ให้พร้อมปฏิบัติ
-          รายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ
             - เรียกกำลังพลที่ประจำที่ตรวจการณ์กลับเข้าที่มั่น  แต่ผู้บังคับหมู่หรือผู้บังคับหมวดอาจตัดสินใจให้กำลังพลประจำอยู่   ณ  ที่ตรวจการณ์ต่อไป    หากยังคงสามารถยิงทางปีกอย่างมีประสิทธิภาพ และที่ตั้งที่ตรวจการณ์สามารถให้การกำบัง ซ่อนพรางได้  และที่สำคัญคือ หากเรียกกำลังพลกลับเข้าที่มั่น จะเป็นการเปิดเผยให้ข้าศึกรู้แนวที่มั่นตั้งรับของฝ่ายเรา
-          ร้องขอและปรับการยิงอาวุธยิงเล็งจำลอง เมื่อข้าศึกเข้ามาอยู่ในระยะที่สามารถทำการยิงทำลายได้สูงสุด
-          เริ่มทำการยิงอาวุธยิงเล็งตรง  ตั้งแต่ระยะไกล  ในเขตของหมวดตามคำสั่งของผู้บังคับกองร้อย
-          กำลังพลทุกส่วนกลับเข้าประจำที่มั่นตั้งรับของตน    และพร้อมรับคำสั่งจากผู้บังคับหมวดต่อไป
            . การดำเนินการตั้งรับ     ผู้บังคับหมวดพิจารณาว่าจะสามารถทำลายกำลังข้าศึกจากที่มั่นตั้งรับปัจจุบันได้หรือไม่
                 ) หากคำตอบคือ ได้ หมวดปืนเล็กจะทำการสู้รบต่อไป
-         ผู้บังคับหมวดหรือผู้ตรวจการณ์หน้า  ยังคงร้องขอและปรับการยิงอาวุธยิงเล็งจำลองต่อไปในขณะที่ข้าศึกเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา หมวดปืนเล็กจะเปิดฉากการยิงเล็งตรงต่อเมื่อข้าศึกเข้ามาอยู่ในระยะยิงหวังผลสูงสุด  โดยเปิดฉากการยิงและรวมอำนาจการยิงในเวลาเดียวกันเพื่อจู่โจมต่อข้าศึก อาวุธที่มีระยะยิงไกลจะวางแผนการยิงร่วมกับเครื่องกีดขวาง เพื่อทำลายรูปขบวนการเคลื่อนที่  หน่วงเหนี่ยวการเคลื่อนที่  ( channelize ) ของข้าศึกเข้าสู่พื้นที่เตรียมทำลาย ( engagement  area )  ป้องกันหรือจำกัดขีดความสามารถของข้าศึกในการตรวจการณ์ต่อที่ตั้งหน่วยทหารฝ่ายเราให้เหลือน้อยที่สุด และยิงทำลายเมื่อข้าศึกพยายามจะทำการเจาะผ่านเครื่องกีดขวางทางยุทธวิธีของฝ่ายเรา
                     ) ผู้บังคับหน่วยต่าง ควบคุมการยิงของหน่วยด้วยคำสั่งยิงมาตรฐาน  พลุสัญญาณและสัญญาณต่าง ที่กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า  หมวดปืนเล็กเพิ่มความรุนแรงของอำนาจการยิงโดยการเพิ่มอาวุธอื่นร่วมทำการยิง  เมื่อข้าศึกเข้ามาอยู่ในระยะยิงของอาวุธเหล่านั่น  ผู้บังคับหมู่จะสามารถรักษาอัตราการยิงภายในหมู่ให้ต่อเนื่องได้โดยการจัดทหารเป็นทีมคู่ ( buddy team ) เพื่อผลัดเปลี่ยนกันยิงในขณะที่คนใดคนหนึ่งจำเป็นต้องหยุดยิง เช่น ขณะเปลี่ยนซองกระสุน เป็นต้น
                     ) ในการวางอำนาจการยิงและควบคุมการยิง ผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่ควรพิจารณาสิ่งต่าง ดังนี้
-         ระยะจากอาวุธถึงข้าศึก
-         ลำดับความสำคัญของเป้าหมาย (จะยิงอะไร  ยิงเมื่อไหร่ และยิงทำไม)
-         เป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดหรือที่อันตรายที่สุด
-         การย้ายการยิง ( shift  fire )  เพื่อรวมอำนาจการยิงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง  ตามความริเริ่มของหน่วยเอง  หรือตามคำสั่งของหน่วยเหนือ
-         ขีดความสามารถของหมวดในการยิงต่อทหารราบยานเกราะที่ลงรบเดินดินด้วยการยิงกวาด
-         ขีดความสามารถของหมวดในการใช้อาวุธต่อสู้รถถังทางปีก  เพื่อทำลายยานรบข้าศึก
                     ) เมื่อข้าศึกเข้ามาใกล้แนวลวดหนามป้องกันตน  ผู้บังคับหมวดจะเริ่มการยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้าย ( final  protective  fire FPF ) การปฏิบัติต่าง จะเกิดขึ้นพร้อมกันดังนี้
-         ปืนกล และอาวุธอัตโนมัติทำการยิงในแนวทิศทางยิงหลัก (principle  direction  of fire PDF ) หรือยิงในแนวป้องกันขั้นสุดท้าย ( final  protective  line FPL) ตามที่กำหนดแนวไว้และวางแผนการยิงไว้แล้ว  อาวุธอื่น ทำการยิงในแนวทิศทางยิงหลักที่กำหนดไว้  เครื่องยิงลูกระเบิด M.203 ยิงข้าศึกบริเวณพื้นที่อับกระสุน และข้าศึกที่กำลังพยายามเจาะผ่านแนวลวดหนามป้องกันตน
-         ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเคลย์โม  และลูกระเบิดขว้าง
-         ร้องขอการยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายด้วยอาวุธยิงเล็งจำลอง  หากหน่วยเหนือวางแผนไว้ให้
                     ) หมวดปืนเล็กดำเนินการตั้งรับต่อไปจนกว่าจะผลักดันข้าศึกได้ หรือจนกว่าจะได้รับคำสั่งให้ผละจากการรบ
                 ) หากคำตอบคือ ไม่ได้  ผู้บังคับหมวดปฏิบัติดังนี้
-         รายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ
                      ) ทำการยิงต่อไป หรือเปลี่ยนย้ายที่มั่นของหมวด (หรือหมู่ใดหมู่หนึ่ง/หลายหมู่ภายในหมวด ทั้งนี้ตามคำสั่งของผู้บังคับกองร้อยเท่านั้น เพื่อ
-         ทำการยิงภายในที่มั่นของหมวด (พื้นที่เตรียมทำลาย : engagement area)
-         เข้าประจำที่มั่นเพิ่มเติม
-         เพิ่มเติมกำลังให้กับส่วนอื่นของกองร้อย
-         ตีโต้ตอบเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งเพื่อแย่งยึดที่มั่นคืน
-         ผละออกจากที่มั่นซึ่งไม่สามารถตั้งรับต่อไปได้  ด้วยการยิงประกอบการเคลื่อนที่ผละออกจากข้าศึก (ผู้บังคับหมวดจะไม่ผละออกจากที่มั่น  หากพิจารณาเห็นว่าจะทำให้สูญเสียความเป็นปึกแผ่นของกองร้อย  การเปลี่ยนย้ายที่มั่นของหมวดหรือหมู่ จะต้องมีการซักซ้อมการปฏิบัติอย่างละเอียด)
หมายเหตุ : ในการเคลื่อนที่ผละออกจากที่มั่นตั้งรับ หมวดปืนเล็กต้องใช้อำนาจการยิงทั้งสิ้นที่มีอยู่  ทั้งเล็งตรงและเล็งจำลองทำการยิงกดข้าศึกไว้ให้ได้นานพอที่จะให้หมวดปืนเล็กเคลื่อนที่ออกจากที่มั่นได้ทั้งหมด
                     ) การเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบใหม่
                         ) หมวดปืนเล็ก
-         จัดส่วนระวังป้องกันขึ้นใหม่
-         จัดพลประจำอาวุธที่สำคัญ
-         ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ และเตรียมส่งกลับสายแพทย์
-         ซ่อมเครื่องกีดขวางที่ชำรุดและวางทุ่นระเบิดเคลย์โม   รวมทั้งลวดสะดุดต่าง ทดแทน
-         เฉลี่ยและแจกจ่ายกระสุน และสิ่งอุปกรณ์ต่าง
-         เปลี่ยนที่ตั้งยิงอาวุธสำคัญที่คาดว่าข้าศึกทราบที่ตั้งแล้ว  ระหว่างเข้าตี และปรับเปลี่ยนที่มั่นตั้งรับ  เพื่อให้สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้
-         จัดตั้งข่ายการติดต่อสื่อสารขึ้นใหม่
-         เข้าประจำที่มั่นตั้งรับ  ปรับปรุงหลุมบุคคล  และเตรียมการตั้งรับต่อไป
                        ) ผู้บังคับหมู่และหัวหน้าชุดยิง  รายงานสถานภาพกระสุน  ผู้บาดเจ็บ  และเครื่องมือเครื่องใช้ให้ผู้บังคับหมวดทราบ
                        ) ผู้บังคับหมวด
-         สถาปนาสายการบังคับบัญชาขึ้นใหม่
-         ดำเนินการเรื่องกระสุน  ผู้บาดเจ็บ  และเครื่องมือเครื่องใช้แก่หมู่ปืนเล็ก  และรายงานสถานภาพให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ
                        ) รองผู้บังคับหมวด  ประสานงานการส่งกำลังเพิ่มเติม    และกำกับดูแลการปฏิบัติต่อผู้บาดเจ็บ และเชลยศึกให้เป็นไปตามแผน

                        ) หมวดปืนเล็กปรับปรุงที่มั่นตั้งรับต่อไป  รีบจัดตั้งที่ตรวจการณ์  ที่ฟังการณ์  และลาดตระเวนตามแผน
- ๑๖  การระวังป้องกัน
           ในการตั้งรับ หมวดปืนเล็กจะพยายามใช้การจู่โจมข้าศึก  และจะเริ่มการปะทะในลักษณะขัดขวางแผนการปฏิบัติของข้าศึกแต่แรกเพื่อให้มาซึ่งการจู่โจม  ทหารราบในแนวที่มั่นตั้งรับต้องไม่ถูกตรวจพบ  หากข้าศึกรู้แนวตั้งรับข้าศึกอาจเคลื่อนที่อ้อมผ่าน หรือเข้าโจมตีด้วยกำลังที่มากกว่า หมวดปืนเล็กต้องซ่อนพรางที่ตั้งและความเคลื่อนไหวในการดัดแปลงที่มั่นด้วยเทคนิคการพราง  และวินัยการใช้เสียง แสง  หมวดปืนเล็กต้องรับผิดชอบจัดการระวังป้องกันตนเองนับตั้งแต่จบการลาดตระเวนตรวจภูมิประเทศของผู้บังคับหมวดจนกระทั่งถึงดำเนินการตั้งรับ  โดยการลาดตระเวน  จัดตั้งที่ตรวจการณ์  และกำหนดจำนวนกำลังพลที่เข้าประจำที่มั่นเร่งด่วน ในขณะที่กำลังส่วนใหญ่ดัดแปลงที่มั่นตั้งรับ (บทที่ จะกล่าวถึงรายละเอียดการลาดตระเวน  ตอนที่   กล่าวถึงเทคนิคการจัดตั้งที่ตรวจการณ์  ส่วนเทคนิคการเข้าประจำที่มั่นเร่งด่วนขณะดัดแปลงภูมิประเทศเตรียมตั้งรับ อาจกำหนดไว้ใน รปจ. ของหน่วยก็ได้)
- ๑๗ ที่บังคับการและการติดต่อสื่อสาร
           ผู้บังคับหมวดจัดตั้งที่บังคับการ   จุดที่สามารถมองเห็นและควบคุมหมวดได้ดีที่สุด  ผู้ตรวจการณ์หน้าและพลวิทยุ/โทรศัพท์อยู่ประจำ ที่บังคับการด้วย  ในกรณีที่ไม่สามารถเห็นและควบคุมทั้งหมดจากจุดเดียว ผู้บังคับหมวดจะจัดตั้งที่บังคับการ จุดที่สามารถเห็นและควบคุมการปฏิบัติหลักได้ และจัดตั้งที่บังคับการสำรองสำหรับให้รองผู้บังคับหมวดควบคุมส่วนที่เหลือของหมวด พลเสนารักษ์โดยปกติจะอยู่กับรองผู้บังคับหมวด  ที่บังคับการสำรองอาจได้รับการดัดแปลงให้กว้างขวางพร้อมด้วยที่กำบังเหนือศีรษะสำหรับผู้ป่วยเจ็บ  และเก็บกระสุนอัตรามูลฐานเพิ่มเติมจากที่ทหารนำติดตัว  ที่รวบรวมเชลยศึก  สิ่งอุปกรณ์พิเศษ  เครื่องมือสร้างเครื่องกีดขวาง และที่รวบรวมศพ  (ที่ซ่อนพรางแล้วโดยปกติก็จะตั้งอยู่ใกล้ ที่บังคับการสำรองด้วย  การติดต่อสื่อสารจากที่บังคับการหมวดไปยังกองร้อยใช้โทรศัพท์ (หากมีใน อจย.) และวิทยุ จากที่บังคับการสำรองไปยังที่บังคับการหมวดใช้โทรศัพท์เป็นหลัก  ภายในหมวดปืนเล็กมีข่ายการติดต่อสื่อสารของตนเองทั้งทางวิทยุและโทรศัพท์ ( รูปที่ - ๓๗ )
- ๑๘ การใช้อาวุธในการตั้งรับ
           ความสำเร็จของการตั้งรับขึ้นอยู่กับการวางกำลังทหาร และระบบอาวุธต่าง   การที่จะสามารถวางระบบอาวุธต่าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น   ผู้บังคับหน่วยทุกระดับจะต้องทราบคุณลักษณะ  ขีดความสามารถ และขีดจำกัดของอาวุธที่มีอยู่  ผลของลักษณะภูมิประเทศที่มีต่อระบบอาวุธและยุทธวิธีของข้าศึก  ผู้บังคับหน่วยควรวางอาวุธยิงไว้ บริเวณที่มีการป้องกันฝ่ายข้าศึกไม่สามารถตรวจการณ์เห็น  และสามารถจู่โจมข้าศึกได้ด้วยการยิงที่แม่นยำและอำนาจการทำลายสูง  ในการกำหนดที่ตั้งยิงผู้บังคับหมวดต้องรู้ก่อนว่าต้องการทำลายข้าศึก บริเวณใด  และต้องการผลการทำลายระดับใด นอกจากนี้ควรรู้ก่อนว่า กำลังหลักของข้าศึกจะเป็นยานเกราะหรือทหารราบเดินเท้า  หากเป็นยานเกราะผู้บังคับหมวดต้องวางอาวุธต่อสู้รถถังตามเส้นทางที่คาดว่าข้าศึกน่าจะใช้มากที่สุดเป็นลำดับแรก  หากเป็นทหารราบเดินเท้าต้องวางการยิงปืนกลตามแนวทางเคลื่อนที่ที่คาดว่าข้าศึกน่าจะใช้มากที่สุดเป็นลำดับแรก  อย่างไรก็ตามผู้บังคับหมวดต้องพิจารณาทั้งสองทางและวางแผนวางอาวุธยิงครอบคลุมทั้งยานเกราะและทหารราบเดินเท้า โดยให้เป็นแผนเผชิญเหตุซึ่งกันและกันได้ ผู้บังคับหมู่วางอาวุธยิงอื่น ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนอาวุธหลักเหล่านี้  โดยให้ครอบคลุมตำบลอับกระสุนและให้ความคุ้มครองอาวุธดังกล่าวเป็นต้น
            . ปืนกล  เป็นอาวุธหลักของหมวดปืนเล็กที่ใช้ยิงต่อทหารราบเดินเท้าของข้าศึก เป็นอาวุธที่มีความเร็วในการยิงสูงพร้อมด้วยความแม่นยำและอำนาจการทำลายรุนแรงพอที่จะสามารถหยุดการเข้าตีของข้าศึกได้ และสามารถกดดันต่อยานเกราะขนาดเบาทำให้พลประจำรถต้องปิดฝาป้อม   และต้องปฏิบัติการในสภาพจำกัด  ผู้บังคับหมวดวางการยิงปืนกลเพื่อ
                - รวมการยิงไปยังบริเวณที่ต้องการสังหารข้าศึก
                - ยิงผ่านหน้าแนวตั้งรับของหมวด
                - คุ้มครองเครื่องกีดขวางด้วยการยิง
                - ประสานการยิงกับหน่วยข้างเคียง
                 ) คำจำกัดความที่เกี่ยวกับการใช้ปืนกลในการตั้งรับ
                     ) การยิงกวาด  หมายถึงการยิงซึ่งกึ่งกลางของกรวยกระสุนวิถีสูงจากพื้นดินไม่เกิน ๑ เมตร หรือประมาณระดับเอวคนยืน เมื่อทำการยิงเหนือพื้นซึ่งมีระดับเรียบ หรือเหนือพื้นที่ลาดซึ่งมีค่าความลาดสม่ำเสมอ จะสามารถยิงกวาดได้ถึงระยะ ๖๐๐ เมตร
                     ) พื้นที่อับกระสุน หมายถึง พื้นที่ภายในระยะหวังผลสูงสุดของอาวุธ  เครื่องมือเฝ้าตรวจ หรือผู้ตรวจการณ์หน้า ซึ่งไม่สามารถทำการยิง  เฝ้าตรวจ หรือตรวจการณ์ได้จากตำบลใดตำบลหนึ่งซึ่งอาวุธ เครื่องมือตรวจการณ์ หรือผู้ตรวจการณ์หน้านั้น ตั้งอยู่ เนื่องจากมีสิ่งกีดขวาง ลักษณะพื้นดิน  ลักษณะของกระสุนวิถี หรือขีดจำกัดในการเล็งของระบบอาวุธ เป็นต้น  หมวดปืนเล็กวางการยิงให้ครอบคลุมพื้นที่อับกระสุนด้วยอาวุธยิงเล็งตรงอื่น M.203 อาวุธยิงเล็งจำลอง หรือเคลย์โมแบบกดระเบิดตามเหตุการณ์ ( Command detonated  Claymores ) นอกจากนี้ผู้บังคับหมวดควรสนธิแผนการยิงเข้ากับระบบเครื่องกีดขวาง (ทั้งลวดหนามและเคลย์โม) บริเวณพื้นที่อับกระสุน และอาจจัดตั้งที่ตรวจการณ์เพื่อเฝ้าตรวจพื้นที่อับกระสุนให้กับที่มั่นข้างเคียงด้วยก็ได้
                     ) แนวยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้าย (final  protective Line FPL) หมายถึงแนวที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อการยิงสกัดการเข้าโจมตีของข้าศึก หากลักษณะภูมิประเทศอำนวย ผู้บังคับหมวดจะกำหนดให้ปืนกล กระบอก ทำการยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้าย แนว  ทันทีที่นำปืนกลเข้าที่ตั้งยิงต้องทำการตรวจแนวยิง เพื่อหาพื้นที่อับกระสุน และพื้นที่ยิงกวาด โดยให้ทหาร คน เดินตามแนวยิงจากปากกระบอกปืนออกไปจนสุดระยะ (รูปที่ - ๓๔ )
                     ) ทิศทางยิงหลัก (principle  direction  of  fire PDF ) หมายถึงทิศทางที่มีลำดับความเร่งด่วนในการยิงสูง  กำหนดให้ทำการยิงไปยังพื้นที่ซึ่งมีพื้นการยิงดี  หรือไปยังแนวทางเคลื่อนที่ซึ่งคาดว่าข้าศึกน่าจะใช้ รวมทั้งให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างหน่วยข้างเคียงด้วย หากไม่สามารถกำหนดแนวยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายได้ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศไม่อำนวย อาวุธจะวางการยิงตามแนวทิศทางยิงหลัก และในระหว่างที่ยังไม่มีเป้าหมายอื่นใดเกิดขึ้นนอกแนวทิศทางยิงหลักนี้อาวุธจะยังคงวางการยิงตามแนวนี้ตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การก่อการร้ายทางนิวเคลียร์และรังสี

การกำหนดภัยคุกคาม การยึดอาวุธนิวเคลียร์แบบไม่บุบสลาย ผู้เชี่ยวชาญมักจำแนกการก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์และรังสีออกเป็นภัยคุกคามสี่ปร...